วิธีเลือกซื้อ GPS ให้เหมาะสำหรับการใช้งาน

เกร็ดความรู้ในการเลือกซื้อ GPS ติดรถ ให้เหมาะกับการใช้งาน

ปัจจุบันหลายท่านคงมี GPS ติดรถ กัน เป็นที่เรียบร้อยแล้วและยังมีอีกหลายท่านที่กำลังมองหาอยู่ ดังนั้นการจะเลือกซื้อหา GPS มาใช้ให้เกิดประโยชน์และมีความเหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ วันนี้เรามีคำแนะนำที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับสมาชิกที่กำลังมองหา GPS ติดตามรถ เพื่อติดรถของท่าน ลองพิจารณาได้เลยโดยจะเริ่มจาก

1. ขนาดหน้าจอ: ปัจจุบันขนาดหน้าขอ 3.5 นิ้วไม่ค่อยเป็นที่นิยม เนื่องจากขนาดที่ค่อนข้างเล็ก และราคาที่ แทบไม่ต่างกับขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่า จึงแนะนำให้เลือกซื้อขนาดหน้าจอ 4.3 หรือ 5.0นิ้ว แต่ขนาด 7.0นิ้ว อาจจะใหญ่เกินไป น่าจะเหมาะกับรถตู้ รถกระบะคันใหญ่ๆ หรือเหมาะจะติดเข้าไปใน Console หน้ารถมากกว่า

2. CUP: ความเร็วของ CPU ที่นำมาใช้ใน GPS Navigator (GPS ติดรถ) ส่วนใหญ่จะมีความเร็วที่ 300, 400, 500 และล่าสุดที่ 800MHz ความเร็ว 300MHz มีผลิตกันน้อยมากๆ แล้วปัจจุบันนี้จะผลิตที่ 400MHz และ PND รุ่นใหม่ๆ จะผลิตออกมาที่ 500MHz เพราะแผนที่นำทางในปัจจุบันส่วนใหญ่จะมีการเล่นภาพ 3D ด้วย ดังนั้นความเร็ว CPU จึงต้องสูงขึ้น และล่าสุดจะมี CPU ที่ความเร็ว 600MHz ออกมาแต่ราคาค่อนข้างสูง และแผนที่นำทางต่างๆ ยังไม่จำเป็นต้องใช้ความเร็วสูงขนาดนั้น จึงยังไม่ค่อยนำมาใช้ใน GPS ติดตามรถ อย่างแพร่หลายนัก (กันยายน 2552) ดังนั้นการเลือกซื้อจึงแนะนำให้ดู CUP ที่มีความเร็วอย่างน้อย 400MHz ขึ้นไป

3. Module: จะเป็น Chipset เมื่อใช้รับข้อมูลจากดาวเทียม GPS เมื่อมาประมวลผลหาค่าพิกัดที่เราอยู่ ผู้ผลิต Chipset Module สำหรับรับสัญญาณ GPS มีหลากหลายบริษัท สำหรับ Chipset GPS จาก SiRF จะแบ่งเป็น 3 รุ่นหลักๆในปัจจุบันคือ

– SiRFatlasIII มีความเร็ว 400MHz ใช้ Module SiRF 3 จับสัญญาณดาวเทียมได้ 30 ดวง ตัวนี้ปัจจุบันผู้ผลิตเริ่มเปลี่ยนเป็นตัวที่เร็วกว่าอย่าง SiRFatlasIV แล้ว

– SiRFatalsIV มีความเร็ว 500MHz ใช้ Module SiRF GRF3i+ จับสัญญาณดาวเทียมได้ 64 ดวง แนะนำให้เลือกซื้อความเร็วขนาด 500MHz เป็นอย่างน้อย เพื่อให้เล่นแผนที่ได้ไม่สะดุด

– SiRFtitan มีความเร็ว 600MHz ใช้ Module SiRF GRF3i+ จับสัญญาณดาวเทียมได้ 64 ดวง ตัวนี้จะใช้ Module เดียวกับรุ่นก่อนหน้า แต่ความเร็วจะเพิ่มขึ้น ผู้หลิตยังไม่ค่อยนำมาใช้แพร่หลายนัก สำหรับท่านที่ซื้อGPS ติดรถที่ไม่ได้ใช้ Chipset ของ SiRF แนะนำให้ดูความเร็วของ CPU และความสามารถของ Module ว่าจับสัญญาณดาวเทียมได้กี่ดวง

4. RAM: เนื่องจาก GPS Navigator (GPS ติดรถ) จะใช้ Program พร้อมๆกันอย่างมาก 1-2 ตัวเท่านั้น ดังนั้นขนาดของ RAM อาจจะไม่ค่อยสำคัญนัก ส่วนมากจะใส่มาให้ 64-128MB ถือว่าเพียงพอแต่แนะนำให้เป็น DDR Ram เพราะ SD RAM จะส่งข้อมูลได้ช้ากว่า DDR Ram โดยร้าน Techincar จะให้ RAM128MB DDR ในทุกรุ่น

5. Functions เสริม: Programs เสริมหลักที่ติดมาให้กับ GPS Navigator ที่ใช้ OS เป็น WindowsCE นั้น ส่วนใหญ่จะใช้ดูหนัง, ฟังเพลง, เล่นเกมส์ หรือ เปิดfile เอกสาร ซึ่งอาจไม่ค่อยได้นำมาใช้จริงเท่าไร ส่วน Function เสริม FM Transmitter จะมีติดมากับ GPS Navigator บางรุ่น และจะมี bluetooth ที่มีไว้เชื่อมต่อกับมือถือเพื่อไว้รับโทรศัพท์ขณะขับรถ ราคาเครื่องที่มี Bluetooth จะแพงขึ้น 400-500 บาทจากรุ่นปกติ ให้พิจารณาความต้องการของเรากับ Functions เสริมเหล่านี้ว่านอกจากการนำทางแล้วเราต้องการอะไรเสริมจากนั้นอีกหรือไม่ ลองพิจารณาดู

กล้องติดรถ R300

กล้องวีดีโอติดรถยนต์ รุ่น R300

กล้องติดรถ รุ่น R300 ราคาปกติ 4,090 บาท ราคาถูกสุด = 2,290 บาท (มีของพร้อมจัดส่ง)

สั่งซื้อกดที่นี่ครับ

โทรสอบถามเพิ่มเติม 082-6960907 , Line 088-2616811 (ตั้มครับ)

(หากติดต่อไม่ได้ให้ติดต่อทาง Line ID : kengointer มานะครับ)

กล้องติดรถ บันทึกวีดีโอ คุณภาพสูง R300 ราคาถูกกล้องติดรถ ราคาถูกสุดกล้องติดรถ

รุ่น R300

จุดเด่น : มีกล้องหน้ากล้องหลังในเครื่องเดียวกัน+บันทึกวีดีโอ+ภาพนิ่ง+ระบุตำแหน่งด้วย GPS

กล้องติดรถ บันทึกวีดีโอ คุณภาพสูง R300

ความสามารถและเสปกกล้องติดรถยนต์ R300

  • บันทึกภาพ นิ่งและวีดีโอ
  • จอภาพ 2.7 “TFT LCD  มี TV Out, TV Out support NTSC & PAL
  • กล้องสองตัว  ความละเอียดกล้องหน้า = 1280 x 480 30FPS , ความละเอียดกล้องหลัง = 640 x 480 30FPS (1CH Record)
  • รองรับ Memory Card : Micro SD Card SDHC Class 4 ขนาด 4GB – 32 GB, proprietary file format
  • มี GPS ระบุตำแหน่งขณะบันทึก  มี G Sensor ตรวจจับความเคลื่อนไหว
  • Video and Audio recording
  • 2.7 “TFT LCD Panel or TV Out, TV Out support NTSC & PAL
  • Dual Lens Camera,1280 x 480 30FPS (2CH Record), 640 x 480 30FPS (1CH Record)
  • Support Memory Card :SDHC Class 6   4GB – 32GB, proprietary file format
  • GPS module support ,G Sensor Support

รีวิว R300 จากต่างประเทศ


 

เสปกกล้องติดรถยนต์ R300อุปกรณ์ที่ท่านจะได้รับ

1.ขาจับ+ตัวติดกระจก

2.สายชาร์ทในรถ

3.สาย USB สำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์

4.คู่มือการใช้

GPSคืออะไร ประโยชน์ของGPS ?

GPS คืออะไร?

ระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก (Global Positioning System: โกบอล โพซิชั่นนิ่ง ซีสเต็มส์) หรือเรียกสั้นๆ ว่า GPS หมายถึง ระบบบอกตำแหน่งบนพื้นผิวโลกโดยอาศัยการคำนวณระบบพิกัดกริดแบบยูทีเอ็ม(Universal TransverseMercator: UTM) ทั้งหมด 60 โซนจากนาฬิกาที่ส่งมาจากดาวเทียมที่โคจรอยู่รอบโลกซึ่งมีตำแหน่งที่แน่นอน ระบบนี้สามารถบอกตำแหน่ง ณ จุดที่สามารถรับสัญญาณไดทั่วโลกโดยเครื่องรับสัญญาณ GPS รุ่นใหม่ๆ จะสามารถคำนวณความเร็วและทิศทาง โดยสามารถนำมาใช้ร่วมกับโปรแกรมแผนที่เพื่อใช้ในการนำทางได้

latlonlines ZonesUTM

ดาวเทียม GPS เป็นดาวเทียมที่มีวงโคจรต่ำอยู่ที่ระดับความสูง 11,000 ไมล์จากระดับพื้นผิวโลก ใช้ในการยืนยันตำแหน่งโดยอาศัยพิกัดจากดาวเทียม 3-4 ดวง  ดาวเทียมจะโคจรรอบโลกเป็นเวลา 12 ชั่วโมงต่อหนึ่งรอบที่ความเร็ว 4 กิโลเมตร/วินาที การโคจรแต่ละรอบนั้นสามารถแบ่งได้เป็น 6 ระนาบ ระนาบละ 4 ดวง โดยทำมุม 55 องศา โดยทั้งระบบจะต้องมีดาวเทียม 24 ดวงหรือมากกว่าเพื่อให้สามารถยืนยันตำแหน่งได้ครอบคลุมทุกจุกบนผิวโลก โดยในปัจจุบันจะเป็นดาวเทียม GPS Block-II

GPS Constellation
GPS Constellation
(Courtesy of US NEC for PNT)
20,200km Altitudes, 55 degree inclination

GPS Block satellite
GPS Block II/IIA satellite

ระบบบอกพิกัดดาวเทียมอื่นๆที่คล้ายคลึงกับระบบ GPS ในปัจจุบันบันมีหลายระบบ ไดแก

  1. 1.              GLONASS (Global Navigation Satellite System)เป็นระบบของรัสเซีย ที่พัฒนาเพื่อ แข่งขันกับสหรัฐอเมริกาแต่ระบบนี้ยังใช้งานไดไมสมบูรณ์ ใช้งานได้เฉพาะในรัสเซีย ยุโรปและแคนาดา
  2. 2.              Galileoเป็นระบบที่พัฒนาโดยสหภาพยุโรปร่วมกับจีน อิสราเอล อินเดีย โมร็อกโก ซาอุดิอาระเบีย เกาหลีใต้และยูเครน แล้วเสร็จในปีพ.ศ. 2553
  3. 3.              Beidouเป็นระบบที่กำลังพัฒนาโดยประเทศจีน โดยให้บริการเฉพาะบางพื้นที่แต่ในอนาคตมีแผนที่จะพัฒนาโดยให้ครอบคลุมทั่วโลกโดยจะใช้ชื่อว่า COMPASS
  4. 4.              QZSSระบบดาวเทียมของญี่ปุ่น ทำหน้าที่หลากหลาย ช่วยเสริมการหาตำแหน่งด้วย GPS โดยเน้นพื้นที่ประเทศญี่ปุ่น ที่มีอาคารสูงบดบังสัญญาณ GPS สำหรับ QZSS ถูกออกแบบให้มีวงโคจรเป็นเลข 8 โดยเต็มระบบจะประกอบด้วยดาวเทียม 3-4 ดวง

การทำงานของ GPS

ดาวเทียมทุกดวงที่โคจรอยู่บนท้องฟ้าจะมีการส่งสัญญาณGPS มาที่พื้นดินเพื่อที่จะบอกพิกัดตัวเองต่อสถานีควบคุม ข้อจำกัดคือดาวเทียมไม่สามารถใช้พลังงานสูงมากนักเนื่องจากพลังงานทั้งหมดไดจากพลังงานแสงอาทิตย์ดังนั้นกำลังส่งของสัญญาณ GPS จึงมีขนาดเล็กมากนี้คือสาเหตุที่สำคัญที่ทำให้

1.เครื่องรับ GPS ตองมีความไวสูงมากๆ เพื่อให้สามารถที่จะรับสัญญาณ GPS จากดาวเทียมซึ่งโคจรอยู่และรับสัญญาณGPS ที่ภาคพื้นดินซึ่งมีขนาดสัญญาณที่เล็กมากๆ

2.จากผลของข้อที่1ทำให้เครื่องรับ GPS จำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าในส่วนภาครับเป็นจำนวนมากโดยส่วนนี้จะทำหน้าที่ทั้งกรองสัญญาณที่รบกวนออกจากสัญญาณ GPS แล้วทำการขยายสัญญาณและนำไปถอดรหัสที่ส่วนของดิจิตอล ดังนั้นโดยทั่วไปเครื่องรับจึงมีอุปกรณ์จำนวนมากเราจึงเรียกมันว่าซิปเซต(Chipset)

3.จากข้อที่ 2 ภาคที่เป็นระบบดิจิตอลจะมี MCU เป็นหัวใจสำคัญในการคำนวณและถอดรหัสต่างๆ โดยปกติจะเป็น MCU ที่มีความสามารถในการคำนวณอย่างมาก ดังนั้นจึงนิยมใช้ MCU แบบ 32 บิต

4.หากสัญญาณ GPS ที่เครื่องรับและเครื่องส่งไม่ตรงกัน (Synchronize) งานนี้เราจะไม

สามารถถอดรหัสไดเลย ดังนั้น GPS หากต้องการบอกพิกัดไดจึงห้ามเปิดเครื่องจำเป็นต้องเปิดเครื่อง

ตลอดเวลา

5.เนื่องจากสัญญาณGPS ที่ตกกระทบภาคพื้นดินมีขนาดเล็กมาก ดังนั้นมันจึงง่ายต่อการถูกรบกวน การที่จะให้สัญญาณที่แรงและดีที่สุดคืออย่าให้มีสิ่งกีดขวาง เครื่องรับ GPS บางประเภทจึงมีเสาอากาศแบบภายนอกโดยติดตั้งในที่โล่งแจ้งจึงทำให้เป็นที่มาของคำว่า “ไม่เห็นท้องฟ้าก็จะรับสัญญาณ GPS ไม่ได้”

 

GPS มีกี่ประเภท?

GPS (Global Positioning System) มีใช้ในหลายวัตถุประสงค์ทางธุรกิจแต่ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมี 2 ประเภท คือ GPS Navigator (อุปกรณ์และระบบนำทาง) และ GPS Tracking System (อุปกรณ์และระบบติดตามรถ ยาพาหะนะหรือสัตว์เลี้ยง) โดยมีการทำงานที่แตกต่างกันดังนี้

  1. 1.              GPS NAVIGATOR (อุปกรณ์และระบบนำทาง)

เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เพื่อบอกตำแหน่งที่เราจะเดินทางไป ใช้การบอกตำแหน่งรถของเราร่วมกับแผนที่ในการเดินทาง ผู้ใช้งานโดยส่วนมากเป็นเจ้าของรถที่ต้องการเดินทางไปในที่ต่างๆที่ไม่คุ้นเคย เมื่อสิ้นสุดการเดินทางก็บรรลุวัตถุประสงค์แผนที่ที่ใช้ในระบบนำทางในรถยนต์ที่ใช้กันโดยทั่วไปที่เป็นมาตรฐานอย่างไม่เป็นทางการ (de facto standard) มาจากสองบริษัทได้แก่แผนที่จากบริษัท แนฟเทค (NavTeq)และจากบริษัท เทเลแอตลาส (Tele Atlas)นอกจากสองบริษัทหลังนี้แล้ว ยังมีแผนที่จากบริษัทอื่นๆอีก แต่ไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากมีข้อจำกัดจากฟอร์แมตของแผนที่ที่เป็นลักษณะเฉพาะของแต่ละบริษัท และบริษัทขนาดเล็กไม่สามารถสนับสนุนพื้นที่ครอบคลุมประเทศในทวีปต่างๆ ทำให้บริษัทขนาดใหญ่มีข้อได้เปรียบ ตลอดทั้ง ขั้นตอนที่ทำให้การประมวลผลแผนที่ๆจะใช้กับซอฟต์แวร์ระบบนำทางมีปัญหาในการทำแผนที่เพื่อให้ใช้กับกับซอฟต์แวร์นั้นๆ ดังนั้นบริษัททำระบบนำร่องส่วนใหญ่จะใช้แผนที่ของบริษัทหนึ่งบริษัทใด หรือสองบริษัทนี้ เพื่อความรวดเร็วในการประมวลผล เนื่องจากข้อมูลของแผนที่แต่ละประเทศมีขนาดข้อมูลมหาศาลและใช้เนื้อที่ในการเก็บขนาดใหญ่ ทำให้ไม่สามารถนำข้อมูลทุกอย่างที่เพื่อใช้ในซอฟต์แวร์ของระบบนำร่องได้จึงได้มีการนำข้อมูลแผนที่นั้นมาทำการจัดเรียงใหม่เพื่อความเหมาะสม เพื่อประโยชน์ในเรื่องขนาดของแผนที่ๆต้องนำไปใช้ ตลอดจนความรวดเร็วในการเข้าอ่านและประมวลผลข้อมูล

  • 2.               GPS TRACKING SYSTEM (อุปกรณ์และระบบติดตามรถหรือยานพาหนะ)

เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เพื่อติดตามรถโดยจะเก็บตำแหน่งการเดินทางตลอดเวลา เพื่อนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการยานพาหนะในเชิงการค้าพาณิชย์ รวมทั้งสิ่งของที่อยู่ในยานพาหนะผู้ใช้งานจะเป็นเจ้าของธุรกิจที่มีรถใช้ในภารกิจต่างๆ โดยจะใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการการขนส่งในกลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้า ธุรกิจบริการ ธุรกิจขนส่งผู้โดยสาร และรถสาธารณะต่างๆ โดยมากจะใช้ร่วมกับ software การรายงานประมวลและวิเคราะห์หาความคุ้มค่าสูงสุดในการใช้รถรวมถึงการป้องกันการสูญเสียจากการขนส่งในทุกขั้นตอน มีการส่งข้อมูลภาพและข้อมูลอื่นผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอด 24 ชั่วโมง

ตัวอุปกรณ์ติดตามรถ GPS Tracking มีอยู่หลากหลายแบบ แต่เราสามารถแบ่งตามประเภทการใช้งานได้เป็น 3 แบบใหญ่ๆ คือ แบบ Offline, แบบกึ่ง Offline และแบบ Online มาดูกันดีกว่า ว่าอุปกรณ์ติดตามรถแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไร

 

  • 1.                   อุปกรณ์ติดตามรถแบบ Offline

    แบบนี้จะเก็บข้อมูลตำแหน่งพิกัดเอาไว้ในตัวเครื่อง GPS Tracking เลย เวลาจะดูข้อมูล จะต้องนำตัวเครื่อง GPS Tracking มาต่อเข้ากับเครื่อง Computer เพื่อถ่ายข้อมูลลงไป
    ข้อดี: อุปกรณ์แบบนี้จะราคาไม่แพง
    ข้อเสีย: ไม่สามารถตรวจสอบตำแหน่งปัจจุบันได้ ตรวจสอบได้แต่ประวัติการเดินทางที่ผ่านมาเท่านั้น

  • 2.          อุปกรณ์ติดตามรถแบบกึ่ง Offline  

    GPS Tracking แบบนี้จะทำงานร่วมกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ โดยตัวเครื่องจะมีช่องไว้ใส่ Simcardและจะส่งข้อมูลพิกัดกลับไปให้ผู้ใช้ผ่านระบบ SMS เมื่อผู้ใช้ร้องขอไปที่ตัวเครื่อง GPS Tracking
    ข้อดี: คือจะไม่มีค่าบริการรายเดือน จะมีแต่ค่าใช้บริการของเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เช่น ค่าส่ง SMS
    ข้อเสีย: คือความสะดวกในการใช้งาน เพราะผู้ใช้จะได้รับข้อมูลพิกัดมาเป็นตัวเลข โดยผู้ใช้ต้อง

เชื่อมต่อ internet และพิมพ์ตัวเลขพิกัดเข้าไป เพื่อทำการหาตำแหน่งปัจจุบันทุกครั้งที่ได้ SMS และ

ตรวจสอบข้อมูลการเดินทางย้อนหลังไม่ได้

  • 3.          อุปกรณ์ติดตามรถแบบ Online : GPS Tracking แบบ online

    ตัวอุปกรณ์จะรับข้อมูลพิกัดตำแหน่งปัจจุบันจากดาวเทียม และส่งไปเก็บที่เครื่อง Server ผ่านระบบ EDGE, GPRS และผู้ใช้สามารถเรียกดูตำแหน่งปัจจุบัน หรือประวัติการเดินทาง Report รายงานการเดินทางแบบ online ได้ทั้งจากเครื่อง Computer และมือถือ และยังสามารถส่งคำสั่งต่างๆกลับไปยังเครื่อง GPS Tracker ได้เช่นให้ดับเครื่องยนต์
    ข้อดี: คือข้อมูลพิกัดจะถูกเก็บไว้ที่ Server ดังนั้นผู้ใช้จะสามารถเรียกดูข้อมูลตำแหน่งปัจจุบันได้แบบ

Realtimeผ่านเครื่อง computer หรือมือถือที่เชื่อมต่อ internet ได้สามารถดูประวัติการเดินทางย้อนหลังและทำรายงานต่างๆ ได้ในผู้ให้บริการบางรายจะสามารถใช้เทคโนโลยีนี้ในการความคุมระบบต่างๆของรถได้อีกด้วย เช่นระบบไฟฟ้า ระบบน้ำมัน จึงสามารถใช้ความสามารถที่มีได้อย่างคุ้มค่า
ข้อเสีย: จะมีค่าบริการรายเดือนหรือตามเงื่อนไขการให้บริการของแต่ละผู้ให้บริการแต่ละราย เพราะมีการส่งข้อมูลและเก็บข้อมูลต่างๆไว้บน server ตลอดเวลา

ผู้เขียน : นายรักพงศ์ แสงหงษ์
สงวนลิขสิทธิ์ บทความโดย : www.techincar.com